วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ลำดับ (Sequence)

ลำดับ (Sequence)

อดีตกลุ่มปีทาโกเรียนสร้างจำนวนเชิงรูปภาพขึ้น เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเรขาคณิตกับ เลขคณิต เช่น จำนวนเชิงสามเหลี่ยม และ จำนวนเชิงสี่เหลี่ยม

จำนวนเชิงสามเหลี่ยม 5 จำนวนแรก
จำนวนเชิงสี่เหลี่ยม 5 จำนวนแรก
จำนวนเชิงสามเหลี่ยม ได้แก่ 1, 3, 6, 10, 15, ... ซึ่งมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
จำนวนเชิงสี่เหลี่ยม ได้แก่ 1, 4, 9, 16, 25, ... ซึ่งมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเช่นกัน

  • จำนวนเชิงสามเหลี่ยม และ จำนวนเชิงสี่เหลี่ยม เป็น ตัวอย่างของลำดับ ที่เรียกว่า ลำดับอนันต์ (Infinite Sequence)
  • จำนวนเชิงสามเหลี่ยม 5 จำนวนแรก และ จำนวนเชิงสี่เหลี่ยม 5 จำนวนแรก เป็น ตัวอย่างของลำดับ ที่เรียกว่า ลำดับจำกัด (Finite Sequence


ใน

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการคูณเลขเร็ว

เทคนิคการคูณเลขเร็ว
ในการคิดคำนวณจำนวนต่างๆ โดยการคูณเลขหลายหลักอาจจะต้องใช้เวลาในการหาผลลัพธ์นั้นค่อนข้างนาน แต่ตัวเลขที่เรานำไปคูณบางตัวนั้นก็มีเทคนิควิธีลัดในการคิดหาผลลัพธ์ ทำให้เราใช้เวลาคิดเพียงเล็กน้อย ได้ผลลัพธ์รวดเร็ว
- การคูณเลขด้วย 9, 99,999…
วิธีคิด 1. ให้นำ 1 บวกกับจำนวนที่ลงท้ายด้วย 9
2. จากนั้นนำไปคูณกับจำนวนที่คูณกับ 9 , 99 , 999… เช่น 45 x 99 ก็ต้องเอา 100 มาคูณ 45 เป็น 4,500 แล้วนำมาลบกับ 45 ก็จะได้คำตอบ
ตัวอย่าง การคูณด้วย 9, 99, 999...
1. 748 x 9 = 7,480 - 748 = 6,732
2. 543 x 99 = 54,300 - 543 = 53,757
3. 8,965 x 999 = 8,965,000 – 8,965 = 8,956,035 เป็นต้น
ยกตัวอย่างจากข้อสาม 8,965 x 999 ?
นำ 1 บวกกับ 999 ได้ 1,000
จากนั้นนำไปคูณ 8,965 x 1,000 = 8,965,000
แล้วลบด้วย 8,965 อีกครั้งหนึ่ง คือ 8,965,000 – 8,965 = 8,956,035
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ 8,956,035
<!--[if !supportLists]-->- <!--[endif]-->การคูณเลขด้วย 11
แบบที่ 1 คือ จำนวน 2 หลักที่คูณด้วยเลข 11
วิธีคิด 1. นำตัวเลขสองหลักนั้นมาเขียนใหม่โดยเว้นช่องตรงกลางเอาไว้
2. ช่องตรงกลางคือ ผลบวกของตัวมันเอง
ตัวอย่างที่ 1 52 x 11 = ?
วิธีทำ 1. 52 x 11 = 5_2 (นำตัวเลขสองหลักนั้นมาเขียนใหม่โดยเว้นช่องตรงกลางเอาไว้)
2. นำ 5+2=7 นำ 7 มาไว้ตรงกลาง) ก็จะได้คำตอบ 572
ตอบ 572
ตัวอย่างที่ 2 83 x 11 = ?
วิธีทำ 1. 83 x 11 = 8_3 (นำตัวเลขสองหลักนั้นมาเขียนใหม่โดยเว้นช่องตรงกลางเอาไว้)


ในกรณีที่จำนวนของผลบวกนั้นมี 2 หลัก ให้นำหลักหน่วยใส่ไว้ตรงกลาง และนำหลักสิบทดไว้ที่เลขตัวข้างหน้าทางซ้ายมือ แล้วนำเลขทางซ้ายบวกกับจำนวนที่ทดไว้ คือ 8+1 = 9
ตอบ 913

แบบที่ 2 จำนวนหลายๆหลักที่คูณด้วยเลข 11

วิธีคิด 1. นำ 0 ไปเติมไว้ทั้งหน้าและหลัง จำนวน แล้วนำมาบวกกัน
เช่น 123 x 11 จะได้ 01230 แล้วนำมาบวกกัน ตามรูป


ตอบ 1,353
- การคูณเลขด้วย 25
วิธีคิด 1. นำจำนวนที่คูณด้วย 25 มาเติม 00 เช่น 48 x 25 ให้เอา 48 มาเติม 00 จะได้ 4,800
2. นำ 4 มาหาร 4,800 จะได้ 1,200 เป็นคำตอบ ดังนั้น 48 x 25 = 1,200
ตัวอย่างที่ 1 357 x 25 = ?
วิธีทำ 357x 25 = 35,700
= 35,700 แล้วนำมาหารหารด้วย 4
= 8,925
ตอบ 8,925

http://math-tiger.blogspot.com/2010_11_01_archive.html

รูปเรขาคณิต / รูปทรงเรขาคณิต


รูปเรขาคณิต / รูปทรงเรขาคณิต

รูปเรขาคณิต

รูป เรขาคณิต หมายถึง รูปต่างๆ ทางเรขาคณิต เช่น
รูปสามเหลี่ยม มีด้าน 3 ด้าน มีมุม 3 มุม
รูปสี่เหลี่ยม มีด้าน 4 ด้าน มีมุม 4 มุม
รูปห้าเหลี่ยม มีด้าน 5 ด้าน มีมุม 5 มุม
รูปหกเหลี่ยม มีด้าน 6 ด้าน มีมุม 6 มุม

 รูปวงกลม มีเส้นโค้งเป็นวงกลม และห่างจากจุดศูนย์กลางเป็นระยะทางเท่ากัน
รูปวงรี มีเส้นเส้นโค้งเป็นวงรี โดยห่างจากจุดศูนย์กลางไม่เท่ากัน
รูปทรง เรขาคณิตรูปทรงเรขาคณิต หมายถึง รูปที่มีส่วนที่เป็นพื้นผิว ส่วนสูง และส่วนลึก หรือหนา
รูปทรงกลม
รูปทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก
รูปทรงกระบอก
รูปเรขาคณิตสามมิติระดับชั้นมัธยมต้นนี้ นักเรียนควรมีพื้นฐานเกี่ยวกับ พื้นที่ผิวและปริมาตรที่ควรทราบ ดังนี้
ปริซึม
ปริซึม เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีหน้าตัด(ฐาน) ทั้งสองข้างเป็นรูปหลายเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการหน้าตัด (ฐาน) ทั้งสองอยู่ในระนาบที่ขนานกัน มีหน้าข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก การเรียกชื่อปริซึมจะเรียกตามรูปหน้าตัดของปริซึมส่วนต่างๆของปริซึมมีชื่อเรียก ดังนี้
ทรงกระบอก
ทรงกระบอก เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานสองฐานเป็นรูปวงกลมที่เท่ากันทุกประการและอยู่บนระนาบที่ขนานกัน และเมื่อตัดรูปเรขาคณิตสามมิตินั้นด้วยระนาบที่ขนานกับฐานแล้ว จะได้หน้าตัดเป็นวงกลมที่เท่ากันทุกประการกันฐานเสมอ ด้านข้างเป็นผิวเรียบโค้งส่วนต่างๆของทรงกระบอก
ข้อแตกต่างของปริซึมกับทรงกระบอก คือ
- ฐาน ปริซึมเป็นรูปหลายเหลี่ยมทรงกระบอกเป็นวงกลม- ด้านข้าง ปริซึมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงกระบอกเป็นผิวเรียบโค้ง
 พีระมิด
พีระมิด เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปเหลี่ยมใดๆ มียอดแหลมที่ไม่อยุ่บนระนาบเดียวกันกับฐาน และหน้าทุกหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกันที่ยอดแหลมนั้น การเรียกชื่อพีระมิดจะเรียdตามรูปฐานของพีระมิด




กรวย
กรวย เป็นรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานเป็นรูปวงกลม มียอดแหลมที่ไม่อยู่ในระนาบเดียวกันกับฐาน และเส้นที่ต่อระหว่างจุดยอดกับจุดใดๆ บนขอบของฐานเป็นส่วนของเส้นตรงดด้านข้างเป็นผิวโค้งเรียบระมิ
ส่วนต่างๆของกรวย
ข้อแตกต่างของพีระมิดกับกรวย คือ- ฐาน พีระมิดฐานรูปหลายเหลี่ยมกรวยฐานรูปวงกลม
- ด้านข้าง พีระมิดเป็นรูปสามเหลี่ยมผืนผ้า
กรวยเป็นผิวเรียบโค้ง



ทรงกลม

ทรงกลม เป็น รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีด้านข้างเป็นผิวโค้งเรียบ และจุดทุกจุดบนผิวโค้งอยู่ห่างจากจุดคงที่จุดหนึ่งเป็นระยะเท่ากัน เรียกจุดคงที่ว่า จุดศูนย์กลางของทรงกลม
เรียกระยะที่เท่ากันว่า รัศมีของทรงกลม
ส่วนต่างๆของทรงกลม


 

ที่มา:http://math-tiger.blogspot.com/2010/05/blog-post.html


วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการบวกเลขเร็ว

เทคนิคการบวกเลขเร็ว

ที่เริ่มจาก 1
                ให้ใช้สูตร  [ (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย] หาร 2  = ผลลัพธ์
        หรือใช้สูตรโบราณว่า    "เอา  1  บวกเข้า    เอาเก่ามาคูณ   เอา 2 หารตัด  ขาดลงเป็นผลลัพธ์"
ตัวอย่าง เช่น
               บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200
                
 (1+200)*200   =20,100

                        2
            ดังนั้น  บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200  =  20,100

ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1.  1 ถึง 10    =   ..................   (55)
2.  1 ถึง 80    =  ...................   (3,240)
3.  1 ถึง 500  =  ...................   (125,250) 


ที่ไม่เริ่มจาก 1
1. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวท้ายโดยใช้สูตร    (1 + ตัวท้าย) ตัวท้าย 2  = ตัวตั้ง
2. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวก่อนเริ่มใช้สูตร คือ (1 + ตัวก่อนเริ่ม)
ตัวก่อนเริ่ม 2  = ตัวลบ
3. เอาผลลัพธ์ที่ได้จาก ข้อ 1 - 2 เป็นผลบวกเลขเรียงที่ไม่เริ่มต้นจาก 1

ตัวอย่าง เช่น
               บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20
                     บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 20 ได้ 210 เป็นตัวตั้ง
                     บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 8   ได้   36 เป็นตัวลบ
            ดังนั้น  บวกเลขเรียงจาก ถึง 20  =  210 - 36 =  174

ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1.  6 ถึง 10    =   ..................   (40)
2.  12 ถึง 30    =  ...................   (399)
3.  55 ถึง 80  =  ...................   (1,755)  


คี่จำนวน
 ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด
ตัวอย่าง เช่น
               97 + 98 + 99 + 100 + 101 =  .............................
               สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 5 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ 99
               ให้เอา 5
99  =  495           
   ดังนั้น  97 + 98 + 99 + 100 + 101 =  495

ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1.  15 + 16 + 17    =   ..................   (48)
2.  125 + 126 + 127 + 128 129    =  ...................   (635)
3.  63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71  =  ...................   (603)


คู่จำนวน
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด  ซึ่งตัวกลางมี 2 จำนวน ให้เอาตัวกลาง 2 จำนวนนั้นบวกกันแล้วเอา 2 หารได้ผลลัพธ์เท่าไร คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ตัวอย่าง เช่น
               97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102  =  .............................
               สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมีจำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ (99 + 100)
2 = 99.5
               ให้เอา 6
99.5  =  597           
   ดังนั้น  97 + 98 + 99 + 100 + 101+ 102  =  597

ลองคิดดูเล่นๆ ค่ะ
1.  15 + 16 + 17 + 18    =   ..................   (66)
2.  125 + 126 + 127 + 128 129 + 130   =  ...................   (765)
3.  63 + 64 + 65 + 66 + 67 + 68 + 69 + 70 + 71+ 72  =  ...................   (675)




จัดทำโดยครูเบ็ญจ ใจการุณ โรงเรียนบ้านหลุมข้าว อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี 15120

(1+200)*200    =20,100
         2

ตรรกศาสตร์เบื้องต้น

ตรรกศาสตร์เบื้องต้น
ประพจน์
                            ประพจน์(statement or proposition) คือ ประโยคที่บอกค่าความจริง
                        (truth value)ได้ว่าเป็นจริง (true) หรือ เท็จ (False) เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
                  โดยทั่วไปจะใช้อักษรภาษาอังกฤษแทนประพจน์
      ตัวบ่งปริมาณ
                                     ในวิชาคณิตศาสตร์จะพบว่ามีการใช้ข้อความ สำหรับ x ทุกตัว และ สำหรับ x บางตัว
                                  เรียก " สำหรับ ทุกตัว " และ " สำหรับบางตัว " ว่า " ตัวบ่งปริมาณ " แทนด้วย
                                                                      สัญลักษณ์   ,   ตามลำดับ                                         
                                           x  แทน สำหรับ x ทุกตัว
                                                                      x  แทน สำหรับ x บางตัว ( มีน้อยกว่า 1 )
                                                                           แทน เอกภพสัมพัทธ์
                                              
 

                                                   R แทน เซตของจำนวนจริง
                                                           Q แทน เซตของจำนวนตรรกยะ
                                                                I  หรือ Z แทน เซตของจำนวนเต็ม
                                                    N แทน เซตของจำนวนนับ

          การเขียนสัญลักษณ์แทนประโยคเปิดที่มีตัวบ่งปริมาณ เราจะต้องเขียนกำกับไว้เสมอ
                      เพื่อจะได้ทราบขอบเขตของตัวแปรว่าแทนสิ่งใด  แต่ในกรณีที่เอกภพสัมพัทธ์เป็นเซตของจำนวนจริง                                         
      มักนิยมละการเขียนเอกภพสัมพัทธ์ นอกจากนี้ในการศึกษาเกี่ยวกับเซตนิยมละการเขียนเอกภพสัมพัทธ์เช่นเดียวกัน

    
ที่มาจาก : http://www.snr.ac.th/m4html/y4html/1.htm