วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การหาตัวหารร่วมมาก (ห.ร.ม.)

ตัวหารร่วมมาก
ความหมาย
ตัวหารร่วมมาก (ห.ร.ม.) คือเลขจำนวนเต็มบวกที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งเมื่อนำมาหารเลขจำนวนเต็มบวก อื่นๆ ที่กำหนดให้ทุกจำนวนแล้วปรากฎว่าหารลงตัวได้ทุกจำนวน

หลักการหาร ห.ร.ม.
สมมุติว่าเรามีตัวเลขจำนวนเต็มบวกสองตัว a และ b เราจะหาตัวหารร่วมได้อย่างไร
ถ้าสมมุติให้ d เป็นตัวหารร่วม d หาร a ได้ลงตัว
d
หาร b ได้ลงตัว
ถ้าเขียนจำนวน a และ b ในรูปแบบเลขจำนวนเฉพาะ
a =   ...
b =     ...
โดยที่ ai, bi >= 0
เมื่อ d หาร a และ b ลงตัว เขียน d ในรูปแบบจำนวนเฉพาะ
d =    ...
เมื่อ di <= ai
di <= bi
di <= min(ai, bi)
หรืออาจกล่าวได้ว่า di น้อยกว่าค่าน้อยสุดระหว่าง ai, bi
แต่ถ้าจะให้เป็นตัวหารร่วมที่มากที่สุด (ห.ร.ม.) ค่า di จะต้องเท่ากับค่าน้อยที่สุดระหว่าง ai, bi
di = min(ai, bi)


     
การหาตัวหารร่วมมากมี 3 วิธี คือ การหา ห.ร.ม. โดยพิจารณาจากตัวประกอบ การแยก ตัวประกอบ และการหารสั้น

      1.
การหา ห.ร.ม. โดยพิจารณาตัวประกอบ

    
พิจารณาตัวประกอบของ 12 และ 18
  
ตัวประกอบร่วมของ 12 และ 18 ได้แก่
1,2,3,6
    -
ตัวประกอบร่วมที่มากที่สุด ได้แก่
6
    -
เรียกตัวประกอบร่วมที่มากที่สุดว่า ตัวหารร่วมมาก

    -
ดังนั้น 6 เป็นตัวหารร่วมมากของ 12 และ 18
    -
หรือ 6 เป็น ห.ร.ม. ของ 12 และ
18

   
ห.ร.ม. ของ 16 และ 36 พิจารณาได้ดังนี้

    -
ตัวประกอบของ 16 ได้แก่ 1 , 2 , 4 , 8 , 16
    -
ตัวประกอบของ 36 ได้แก่
1 , 2 , 3 , 4 , 6 , 9 , 12 , 18 , 36
    -
ตัวประกอบร่วมของ 16 และ 36 ได้แก่
1, 2, 4
    -
ตัวประกอบร่วมที่มากที่สุด ได้แก่
4
    -
เรียกตัวประกอบร่วมที่มากที่สุดว่า ตัวหารร่วมมาก

    -
ดังนั้น 4 เป็นตัวหารร่วมมากของ 16 และ 36
    -
หรือ 4 เป็น ห.ร.ม. ของ 16 และ 36
        ตัวอย่างที่ 1 จงหา ห.ร.ม. ของ 39 และ 65
    
วิธีทำ - ตัวประกอบของ 39 ได้แก่
1 , 3 , 13 , 39
           -
ตัวประกอบของ 65 ได้แก่
1 , 5 , 13 , 65
           -
ตัวประกอบร่วมของ 39 และ 65 ได้แก่
1, 13
            -
ตัวประกอบร่วมที่มากที่สุดของ 39 และ 65 ได้แก่
13
             -
ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 39 และ 65 คือ 13

        ตัวอย่างที่ 2 จงหา ห.ร.ม. ของ 60, 78 และ 96
    
วิธีทำ - ตัวประกอบของ 60 ได้แก่
1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 10 , 12 , 15 , 20 , 30 , 60
           -
ตัวประกอบของ 78 ได้แก่
1 , 2 , 3 , 6 , 13 , 26 , 39 , 78
           -
ตัวประกอบของ 96 ได้แก่ 1 , 2 , 3 , 4 , 6 , 8 , 12 , 16 , 24 , 32 , 48 , 96

           - ตัวประกอบร่วมของ 60, 78 และ 96 ได้แก่ 1, 2, 3, 6
           -
ตัวประกอบร่วมที่มากที่สุดของ 60, 78 และ 96 ได้แก่
6
           -
ดังนั้น ห.ร.ม. ของ 60, 78 และ 96 คือ 6

.
    2.
โดยการแยกตัวประกอบ มีวิธีการดังนี้

          (1) แยกตัวประกอบของจำนวนทุกจำนวนที่ต้องการหาร ห.ร.ม.
          (2) เลือกตัวประกอบที่ซ้ำกันของทุกจำนวนมาคูณกัน
          (3) ห.ร.ม. คือ ผลคูณที่ได้

       ตัวอย่าง     จงหา ห.ร.ม. ของ 56 84 และ
140
      
วิธีทำ   56 =

                   84 =
                  104 =
     เลือกตัวที่ซ้ำกัน ที่อยู่ทั้ง 56 84และ 104 ตัวทีซ้ำกันเอามาซ้ำละ 1 ตัว
    
คือ มีเลข 2 เลข 2 และ เลข
7
    
ดังนั้น ห.ร.ม. =


    3. การหารสั้น มีวิธีการดังนี้

        1) นำจำนวนทั้งหมดที่ต้องการหา ห.ร.ม. มาเขียนเรียงกัน
        2) หาจำนวนเฉพาะที่สามารถหารจำนวนทั้งหมดได้ลงตัวมาหารไปเรื่อยๆ จนกว่าไม่สามารถหาได้
        3) นำตัวหารทุกตัวที่ใช้มาคูณกัน เป็นค่าของ ห.ร.ม.
        ตัวอย่าง จงหา ห.ร.ม. ของ 56 84 และ 140
      
วิธีทำ  

                       2) 56 84 104                       2) 28 42 70
                       7) 14 21 35                            2 3 5
           ห.ร.ม. คือ 2 x 2 x 7 = 28


     4. การนำ ห.ร.ม. ไปใช้แก้โจทย์ปัญหา

        
ตัวอย่าง      มีเชือกอยู่สามเส้น ยาวเส้นละ 48, 60 และ 108 เมตร ถ้าตัดแบ่งให้ยาวเส้นละเท่าๆกัน ให้ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้ จะได้เชือกยาวเส้นละกี่เมตร และได้เชือกทั้งหมดกี่เส้น
วิธีทำ               48  =   2   x   2   x   2   x  2   x   3
                     60  =   2   x   2   x   3   x  5
                    108  =   2   x   2   x   3   x  3   x   3
ห.ร.ม. คือ 2 x 2 x 3 หรือ
12ดังนั้น จะแบ่งเชือกได้ยาวที่สุดเส้นละ 12 เมตร เชือกเส้นแรกแบ่งได้        48 / 12  =  4  เส้น
เชือกเส้นที่สองแบ่งได้      60 / 12  =  5  เส้น
เชือกเส้นที่สามแบ่งได้    108 / 12  =  9  เส้น
ดังนั้นจะได้เชือกทั้งหมด 4 + 5 + 9  =  18  เส้น
ตอบ  จะได้เชือกยาวเส้นละ 12 เมตร  และได้เชือกทั้งหมด 18 เส้น
            ตัวอย่าง    แม่ค้าต้องการจัดมะม่วง 4 ผล ชมพู่ 8 ผล พุทรา 12 ผล ใส่ถาดโดยให้แต่ละถาดมีผลไม้แต่ละชนิดมากที่สุดและไม่ปนกัน จะได้ผลไม้ถาดละกี่ผลและแบ่งได้กี่ถาด
วิธีทำ               มีมะม่วง 4 ผล ชมพู่ 8 ผล พุทรา 12 ผล ห.ร.ม. คือ 4, 8 และ12 คือ     4ดังนั้น แบ่งผลไม้ได้ถาดละ    4 ผล
จะแบ่งมะม่วงได้     4   /    4    =   1   ถาด
จะแบ่งชมพู่ได้        8   /    4    =   2   ถาด
จะแบ่งพุทราได้       12 /   4    =   3   ถาด
ดังนั้น แบ่งผลไม้ได้ทั้งหมด   1+2+3 =  6  ถาด
ตอบ  ได้ผลไม้ถาดละ   4    ผลและแบ่งได้  6  ถาด


        
อัลกอริทึมของยูคลิด สำหรับการหา ห.ร.ม.

        
ยูคลิด เป็นนักคณิตศาสตร์สมัย 2 พันกว่าปีที่แล้ว ยูคลิดได้ให้วิธีการหา ห.ร.ม. จึงจัดว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และยอมรับกันมาจนปัจจุบัน การหา ห.ร.ม. โดยวิธีการหากำลังของเลขจำนวนเฉพาะ ดังที่กล่างมาแล้วเป็นวิธีที่ยาก ยูคลิดได้ให้หลักการเป็นทฤษฎีง่าย ๆ ว่า

       "
ตัวหารร่วมมากที่สุดของ a และ b ก็จะเป็นตัวหารร่วมมากที่สุดของ a + kb และ
b
  
เมื่อ k เป็นเลขจำนวนเต็มใด ๆ"

   
ดังนั้นหากคิดในทางกลับกัน ตัวหารร่วมมากสุดของ kb + a และ b ก็จะเป็นตัวหารร่วมมากของ a และ b ด้วย
     ตัวอย่าง
               1.
จากตัวเลข
8 12
                         (8, 12)
                                      12 = 8 x 1 + 4
                         (8, 4)
                                        8 = 4 x 2
           4
คือตัวหารร่วมมากที่สุดของ 8 กับ
12

               2.
ตัวเลข
330, 140
                         (330, 140)
                                       330 = 140 x 2 + 50
                          (140, 50)
                                       140 = 50 x 2 + 40
                            (50,40)
                                         50 = 40 x 1 + 10
                            (40,10)
                                         40 = 10 x
           10
เป็นตัวหารร่วมมากที่สุดของ
340, 140
  
จากหลักการของยูคลิดสรุปได้ว่า .....ตัวหารร่วมมากของ 40, 10 ก็จะเป็นตัวหารร่วมมากของ 50, 40 ด้วย และไล่เรียงขึ้นไปถึง 330, 140 นั่นเอง
ประโยชน์ของ ห.ร.ม.
1.
ใช้ทอนเศษส่วนให้เป็นเศษส่วนอย่างต่ำ
2.
ใช้คำนวณการแบ่งสิ่งของที่มีจำนวนไม่เท่ากันออกเป็นส่วนๆ ที่เท่ากันโดยไม่ปะปนกัน
และให้เป็นจำนวนที่มากที่สุด


ที่มา : ศิริกานต์ ชูก้าน.  ตัวหารร่วมมาก.  ค้นข้อมูล 6 ธันวาคม 54 จาก http://www.krudung.com/webst/2552/501/34/a4.html
ตัวหารร่วมมาก.  ค้นข้อมูล  6 ธันวาคม 54 จาก

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การหาตัวคูณร่วมน้อย (ค.ร.น.)

ตัวคูณร่วมน้อยที่สุด  (ค.ร.น.)
          ตัวคูณร่วมน้อยที่สุดของจำนวนใดๆ  ตั้งแต่ 2 จำนวนขึ้นไป  หมายถึง  จำนวนที่น้อยที่สุดที่จำนวนเหล่านั้นมาหารได้ลงตัว  หรือจำนวนที่น้อยที่สุดที่มีจำนวนเหล่านั้นเป็นตัวประกอบ
การหา ค...ทำได้หลายวิธี ในที่นี้จะเน้นกล่าว 3 วิธีหลักๆที่เป็นที่นิยม
วิธีที่ 1 โดยการพิจารณาพหุคูณ
เช่น เราต้องการ ค.ร.น. ของ 6 , 9 และ 18
วิธีทำ พิจารณา พหุคูณ ของ 6,9 และ 18 ได้ดังนี้
พหุคูณของ 6 คือ 6,12,18,24,30,36,...

พหุคูณของ 9 คือ 9,18,27,36,45,54,...

พหุคูณของ 18 คือ 18,36,54,72,90,...
  • พหุคูณร่วมของ 6,9,18 คือ 18 และ 36
  • พหุคูณร่วมน้อยที่สุดของ 6,9,18 คือ 18
  • ดังนั้น 18 จึงเป็น ค.ร.น. ของ 6,9 และ 18
วิธีที่ 2 แยกตัวประกอบ
เช่น เราต้องการหา ค.ร.น ของ 18 24 210
  • ให้กระจายตัวประกอบออกมา
18 = 2x3x3

24 = 2x3x2x2

210 = 2x3x5x7
  • จากข้างบน ทั้ง 3 บรรทัด มี 2 เหมือนกัน อยู่ 1 ตัว (ลองเขียนในกระดาษแล้ววาดวงกลมล้อมคอลัมน์แรก (แถวแรกในแนวตั้ง)) และก็มี 3 เหมือนกัน อยู่อีก 1 ตัว (คอลัมน์ที่ 2) หยิบมาคูณกัน
2x3 = 6
  • นำตัวเลขที่เหลือ (ที่ไม่ได้วงกลม ในกรณีที่วาดในกระดาษตามที่แนะนำ) มาคูณต่อ ได้คำตอบของ ค.ร.น
6 (จากขั้นตอนที่แล้ว) x3x2x2x5x7 = 2520
  • การหา ค.ร.น. จะต้องเอาเลขที่แตกต่างจากพวกมากที่สุดไว้หน้า เช่น 12 = 3x2x2
วิธีที่ 3 การหารสั้น
วิธีนี้ เป็นวิธีที่ง่าย เพราะบางครั้งการแยกตัวประกอบ ค่อนข้างจะคำนวณยาก โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มศึกษา
  • นำมาเขียนเรียงกัน โดยเว้นวรรคระหว่างจำนวนด้วย 18 24 210
  • ลองไล่เอา 2 หารดูว่าลงตัวทั้งหมดไหม ถ้าไม่ลงตัว ก็เปลี่ยนเป็น 3 ลองหารทั้งหมดดู ถ้าไม่ลงตัว ก็ลองใช้ 5 ลองหารดู โดยมีวิธีไล่ลำดับตัวเลขที่ใช้จากจำนวนเฉพาะ
2,3,5,7,11,13,17,19,...
  • ทำซ้ำกับผลหารที่ได้จากข้อที่แล้ว ไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถหารจำนวนเฉพาะมาหารได้ลงตัวอีกต่อไป
  • เอาเลขที่หารที้งหมดมาคูณกันแล้วคูณกับผลหารที่เหลืออยู่ ได้คำตอบ
ดูตัวอย่างประกอบ

2  ) 18 24 210
        9  12 105
ลอง 2 หารอีก

2  )  9   12 105
      4.5  6  52.5
จะเห็นว่าหารไม่ลงตัว เพราะหารได้ผลติดทศนิยม เปลี่ยนเลขเป็นจำนวนเฉพาะถัดไป ได้แก่ 3

3 ) 9 12 105
     3   4   35
ถึงตรงนี้ เราจะไม่สามารถหาจำนวนเฉพาะใดๆเพื่อมาหารได้อีกต่อไป เราจึงนำเอาเลขที่หารที้งหมดมาคูณกันแล้วคูณกับผลหารที่เหลืออยู่ ได้คำตอบ

2
x3x3x4x35 = 2520

อธิบายซ้ำ
 : เราสามารถเขียนภาพรวมได้ดังนี้
2  ) 18 24 210
3  ) 9  12 105
       3   4  35
2x3x3x4x35 = 2520
นอกจาก 2 วิธีที่แนะนำไปแล้ว ยังสามารถทำวิธีอื่นๆ อย่างเช่น ลองไล่สูตรคูณของกลุ่มตัวเลขที่เราต้องการหา แล้วหยิบตัวเลขที่น้อยที่สุดที่มีเหมือนกันในผลสูตรคูณของตัวเลขทั้งหมดนั้น
เช่นหา ค.ร.น. ของ 12 และ 16 โดยเลือกจากจำนวนที่มี 12 และ 16 เป็นตัวประกอบ
  • จำนวนนับที่มี 12 เป็นตัวประกอบ ได้แก่ (12*1), (12*2), (12*3),… = 12,24,36,48,60
  • จำนวนนับที่มี 16 เป็นตัวประกอบ ได้แก่ (16*1), (16*2), (16*3),… = 16,32,48,64,80
  • 48 เป็นจำนวนนับที่น้อยที่สุดที่มี 12 และ 16 เป็นตัวประกอบ ดังนั้น ค.ร.น. ของ12 และ16 คือ 48


  ที่มา : อรทัย สุดบับ.   การหาตัวคูณร่วมน้อย.  ค้นข้อมูล 29 พ.ย.54  จาก
                                          http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/sakaew/orathai_s/math-6/sec08p4.htm

**ขอบคุณค่ะ**